ตอบปัญหาคาใจ กินยังไงให้ลดพุง
ทำไมอดแล้วไม่ผอม ?
หลายคนยิ่งอดก็ยิ่งอ้วน เพราะเมื่อคนเราไม่ได้รับสารอาหารหรือได้รับไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะเกิดการปรับตัวรับมือกับ "ภาวะขาดอาหาร" เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่ต่อไป โดยพยายามลดการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำลง การทำงานของกระเพาะอาหารก็จะลดลง รวมทั้งการเผาผลาญไขมันก็จะมีประสิทธิภาพลดต่ำตามไปด้วย
2:1:1 ช่วยได้จริงไหม ?
เพื่อจะให้ร่างกายมีระบบเผาผลาญที่ดี เราจึงต้องรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม ในทีนี้หมายถึงทั้งปริมาณและคุณภาพ เช่น การแบ่งจานอาหารให้ได้ทั้งผัก 2 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน แป้ง(ข้าวหรือขนมปัง) 1 ส่วน โดยมีผลการวิจัยยืนยันแน่ชัดแล้วว่า การกินผักสด ผักต้ม ผักนึ่ง หรือผลไม้หลากหลายชนิด โดยมีปริมาณเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งหรือ 2 ใน 4 ส่วนของเมนูอาหารทุกมื้อ (ประมาณวันละ 400 กรัมขึ้นไป) จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ อีกทั้งยังช่วยให้ลดน้ำหนักลงได้จริงและยั่งยืน เมื่อออกกำลังกายร่วมด้วย
ถ้างั้นขอกินแต่ผักเลยได้มั้ย
บางคนปฏิเสธเนื้อสัตว์จริงจัง เน้นกินสลัดหรือผลไม้ทุกมื้อแทนอาหารหลัก เพราะเชื่อว่าจะผอมแน่นอน ผลคือได้ไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะร่างกายขาดสารอาหารและโปรตีน และการกินผักอย่างเดียวจะไม่อยู่ท้อง เดี๋ยวจะหิวจะโหยกลายเป็นต้องไปกินนู่นนี่ตามมาอีกเพียบ จึงต้องกินข้าวหรือแป้งอื่นๆเพื่อให้ได้พลังงานที่สำคัญแก่ร่างกายด้วย แต่ก็ย่อยเร็ว อิ่มเร็วซักพักต้องหิวอีก จึงต้องกินเนื้อสัตว์ร่วมด้วย ซึ่งย่อยนาน หนักกระเพาะกว่า ทำให้ไม่หิวเร็ว นอกจากนี้ในเนื้อสัตว์ยังมีสารไทโรซีน ซึ่งช่วยควบคุมความอยากกินของหวานได้ รวมทั้งสาร แอลคาร์นีทีน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ ช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นแทนที่จะเลือกไม่กิน ลองเปลี่ยนมาเป็นกินแบบฉลาดเลือก เน้นคุณภาพและปริมาณอาหารที่เหมาะสม จึงจะเป็นลดน้ำหนักที่ถูกต้อง
พูดกันจังว่าจะเลิกกินข้าว โดยเฉพาะสาวๆที่เชื่อผังใจว่ากินข้าวเท่าไรก็อ้วนเท่านั้น ในความเป็นจริง ข้าว แป้ง ขนมปัง จะมีทั้งเกลือแร่ วิตามิน และเส้นใยอาหาร ซึ่งสำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ขอเพียงแต่เลือกกินข้าวหรือแป้งที่มีคุณค่าทางอาหาร เช่น ข้าวไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ลูกเดือย ถั่ว ธัญพืช ข้าวโพด เผือก มัน เป็นต้น และที่สำคัญ อย่าลืมว่าต้องกำหนดให้ข้าวหรือแป้งนี้มีสัดส่วนเพียงแค่ 1 ใน 4 ของจานอาหารอีกด้วย
เครดิตแหล่งข้อมูล : thaihealthlifestyle