- วิธีนี้ ไม่ได้เน้นให้ผอมอย่างเดียว แต่เน้นเรื่องการกินอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจเป็นวิธีการที่มีการหักดิบในช่วงแรก และตอนท้ายก็คือ การกินตามธรรมดาที่เราสามารถทำได้ไม่ยาก
- สูตรนี้ เรียกว่า Low Carb ( คาร์โบไฮเดรทต่ำ ) ไม่ใช่ Low Fat ( ไขมันต่ำ ) อย่างที่เคย ฉะนั้นหากจะซื้อของกิน ต้องดู ฉลากดี ๆ เพราะ Low Fat มักมีส่วนผสมของแป้งเยอะ
-ดื่มน้ำ เยอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
-ออกกำลังกาย ( แข็งใจหน่อย ถ้าจะเริ่มก้าวแรกแล้ว ความสำเร็จก็จะเห็นรำไร )
-ชั่ง นน. และ วัดรอบตัวไว้ เพื่อดูความคืบหน้าของการเปลี่ยนแปลง
-อย่าขี้โกง กับตัวเองนะคะ ทั้ง 14 วัน กินอาหารที่แนะนำเท่านั้น จะมาขอสักมื้อ หรือ สักคำ ก็ไม่ได้ เพราะจะทำ
ให้การหักดิบนี้ไม่สำเร็จ อดทน อดทน และ อดทน ไม่ต้องมีข้อแก้ตัว โอ้ย มีงานเลี้ยง... โอ้ย น้ำท่วม... โอ้ย ฯลฯ
- อย่าปล่อยให้หิว ถึงเวลาก็กิน กินให้อิ่มไปเลย หรือจะแบ่ง มื้ออาหารจาก 3 เป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 ก็ได้
( ไม่ต้องอดมื้อเย็น กินเข้าไปเยอะ ๆ )
- เตรียมเมนูล่วงหน้าให้กับตัวเองเลย พรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปต้องกินอะไรบ้างทั้งสามมื้อ แล้วลงมือเตรียมให้ครบ
- บอกใคร ๆ ว่าคุณกำลังลดความอ้วน ไม่ต้องปิดบัง บอกให้คนใกล้ตัวคุณด้วย ยิ่งคุณต้องเจอประเภท
" มื้อนี้ไม่เป็นไร ไปอดมื้อหน้า " " สวยแล้วไม่ต้องอดหรอก " ให้ตั้งสติให้ดี แล้วบอกว่า " ไม่ค่ะ ขอบคุณ " ยืนยันให้มั่น เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด
- ไม่แนะนำสำหรับคนที่ไม่แข็งแรง / ผู้หญิงมีครรถ์ หรือเด็กต่ำกว่า 20 นะคะ
- กินวิตามินรวม ร่วมด้วยจะดีค่ะ
- ช่วง 2-3 วันแรก อาจมีอาการมึน ๆ นะคะ เพราะร่างกายกำลังปรับตัว ฉะนั้นสำหรับคนทำงานนอกบ้าน
หากเริ่มสูตรในวันเสาร์อาทิตย์ก็จะดี
- อาหารควรเป็นอาหารที่เตรียมเอง เพราะเราเลือกเองจะล้างได้สะอาดกว่า น้ำมันทอดที่ใหม่กว่า ใช้น้ำมันที่ดีกว่าแต่หากไม่สะดวก ก็ให้ซื้ออาหารจากร้านหรือยี่ห้อที่ไว้ใจได้เท่านั้น
**อาหารที่ทานได้ตลอด 14 วัน**
• ไข่ไก่ ไข่นกกระทา
• เนื้อสัตว์ทุกประเภท แกะ หมู ไก่ เนื้อ ปลา ปู กุ้ง หอย ปลาหมึก ไส้กรอก เบคอน แคบหมู ขาหมูทอด
หมูหัน และ อื่น ๆ ไม่ว่าจะติดมัน หรือ ไม่ก็ตาม ย่าง นึ่ง ต้ม ทอด หรือปรุงด้วยอะไรก็ได้ ห้ามมีส่วนผสมของ
น้ำตาลเด็ดขาด
• Cheese Edam , Brie, Ricotta Cheddar, Swiss, Blue Cheese, Philadelphia Crè
me Cheese เป็นต้น
• น้ำมันทุกประเภท น้ำปลา น้ำส้มสายชู มะนาว และเครื่องปรุงอื่น ๆ ยกเว้นน้ำตาล หรือ เครื่องปรุงที่มีส่วน
ผสมของน้ำตาล
• ผักทานได้แต่ผักกาดแก้ว ผักสลัดใบเขียว และผักสีเขียวในปริมาณ 1 ถ้วย ( เวลาตวงไม่อัดแน่นนะคะ )
หรือ 170 กรัม หรือ 6 oz.
• อาหารทุกชนิดห้ามใช้ที่เขียนไว้ว่า Low Fat เนื่องจากอาหารไขมันต่ำทุกชนิดมักจะมีส่วนผสมของแป้งอยู่ทั้งสิ้น
• Evaporated Milk นมข้นจืดไม่ดัดแปลง ( คาร์เนชั่น ) หรือ whip cream
• อาหารที่กล่าวนี้ สามารถทานได้ไม่จำกัดทั้งมื้อและ ปริมาณ เมื่อไรก็ได้ เท่าไรก็ได้
**อาหารที่ต้องห้าม**
• นมดังต่อไปนี้ whole milk , skim milk, low fat milk, UHT, Pasteurize, น้ำเต้าหู้ เนื่องจากนมทั้งหลายนี้มีคาร์โบไฮเดรทสูง
• กาแฟ ให้พยายามเลี่ยง แต่หากต้องทาน ให้ใช้แบบ caffeine free เนื่องจากคาเฟอินอาจทำให้กระบวนการทางเคมีไม่ได้ผล
• ผลไม้ทุกประเภท ไม่ว่าจะมีรสหวานหรือไม่ก็ตาม ล้วนมีน้ำตาลทั้งสิ้น
• ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปังทุกอย่าง ข้าวเหนียว มันฝรั่ง เพราะล้วนเป็นคาร์โบไฮเดรต
• ขนมหวาน Cake, Cookie, Snack, Chip
• น้ำตาล หรืออาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม รวมถึง Glucose, Fructose หรือ น้ำผึ้ง
• ผักบางอย่าง เช่น ข้าวโพดอ่อน มะเขือเทศ แครอท หรืออื่น ๆ ที่มีน้ำตาล หรือพืชผักที่ให้รสหวาน
• Sauce ที่มีรสหวาน หรือมีแป้งเป็นส่วนผสม เช่น น้ำจิ้มไก่ ซีอิ๊วหวาน ซอสมะเขือเทศ Gravy เป็นต้น
• Alcohols ทุกประเภท น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้ห้ามหมดเด็ดขาด
**ตัวอย่างรายการอาหาร**
เช้า ไข่ดาว ไข่คน cheddar cheese ,Omelet กับ เบคอน ไส้กรอก แฮม
กลางวัน ไก่ย่าง ขาหมูทอด สเต๊กเนื้อ ไข่เจียวหมูสับ ทอดมัน ( ทำจากเนื้อปลาล้วน ) ลาบ/ น้ำตก หมู หรือไก่
เย็น ปลาหมึกผัดไข่เค็ม หมูหัน ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่
ของว่าง Philadelphia Crème Cheese ผสมกับน้ำตาลเทียม และมะนาว จนเป็นเนื้อเดียวกัน , แคบหมูกับน้ำพริกหนุ่ม
**ข้อควรระวัง**
1. หากท่านตัดสินใจลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ท่านต้องทำติดต่อกันเป็นเวลา 14 วันติดต่อกัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุล
2. จะยกเลิกก่อนกำหนดหรือทำเพียงบางมื้อไม่ได้
3. จะมีส่วนผสมของน้ำตาลหรือแป้งรวมทั้งคาร์โบไฮเดรต ในรูปแบบอื่นในมื้ออาหารไม่ได้เลย ตลอด 14 วัน ยกตัวอย่างเช่น หากทานไก่ย่าง ก็ไม่ทานข้าวเหนียว หรือส้มตำ หากทานไข่ดาวหมูแฮม จะทานกับขนมปังไม่ได้ รวมทั้ง ลูกชิ้น ปูอัด
4. หากน้ำหนักไม่ลดลงเลย แสดงว่าในบางมื้อท่านยังมีส่วนของน้ำตาลหรือกลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรต อยู่ ดังนั้น นอกจากจะลดน้ำหนักไม่ได้แล้ว เท่ากับท่านทำให้กระบวนการเผาผลาญรวน และร่างกายอาจจะใช้กลับไปใช้น้ำตาลในการเผาผลาญเหมือนเดิม แสดงว่า โปรตีน และ ไขมันจำนวนมากที่ท่านบริโภคเข้าไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้ถูกใช้งาน ก็จะกลายเป็น Cholesterol ได้ในที่สุด
5. อย่ากลัวการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากกระบวนการเผาผลาญไขมันไม่ทำให้เกิด Cholesterol ดังนั้น ท่านจึงไม่ต้องกังวลกับอาหารไขมันสูง แต่ให้ระวังอาหารที่มีน้ำตาลและแป้ง
6. ภายใน 48 ชั่วโมง บางท่านอาจมีอาการวิงเวียน เนื่องจากร่างกายยังหลั่ง Insulin อยู่ แต่หลังจากนั้น อาการจะหายไป เนื่องจากร่างกายเข้าสู่ระบบ Ketosis คือการนำไขมันมาเป็นพลังงาน
7. ควรตรวจระดับ Ketone ในปัสสาวะหลัง 48 ชั่วโมง โดยซื้อ Ketone Strip มาตรวจ หากพบปัสสาวะมีสีชมพู แปลว่าร่างกายได้เริ่มนำไขมันมาเผาผลาญแล้ว
8. หากทำตามนี้อย่างเคร่งครัด ท่านสามาถลดน้ำหนักได้ 1-1.5 กก. เป็นอย่างต่ำ สัดส่วน รอบเอว ต้นขา หน้าท้องจะลดลง ( คนน้ำหนักมากจะมีโอกาสลดได้มากกว่าคนน้ำหนักปกติ )
9. หากได้ออกกำลังกายด้วยจะลดได้เร็วมากขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแรง
10. ท่านสามาถทานวิตามินเสริมได้ เช่น Vitamin C 1000 Mg., B1-6-12, Chromium Picolinate
เป็นต้น ร่วมด้วยก็ได้
11. รับประทานอาหารแต่ละมื้อจนอิ่ม และอย่าทานหากไม่ได้รู้สึกหิว ถ้าหิวระหว่างมื้อก็ให้ทานประเภท
ไส้กรอก แฮม Salami หรือ Assorted Cheese เป็นต้น อย่าปล่อยให้ท้องว่าง
12. ควรหลีกเลี่ยง ไดเอทโค้ก หรือ ไดเอท เปปซี่ และน้ำตาลเทียมให้มาก ลูกอม ท๊อฟฟี่ ต้องงด
Dr. Atkins บอกไว้ว่า สิ่งที่อันตรายมากที่สุดสำหรับคนที่มี ปัญหากับ metabolism คือ แป้งและน้ำตาล ยิ่งกินแป้งน้ำตาลมาก อัตราการเผาผลาญก็จะยิ่งช้า ทำให้อ้วนนะคะ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนคือ
" ทำให้ร่างกายเปลี่ยนจากการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต มาเป็นใช้ไขมันแทน "