เผยเทคนิคในการดื่มน้ำ ช่วยลดน้ำหนัก ดีต่อผิวพรรณและชะลอวัย
1) น้ำจะทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น เนื่องจากน้ำทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง ร่างกายจึงต้องเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดสมดุลความร้อน ส่งผลให้อาหารและพลังงานถูกเผาผลาญตามไปด้วย และยังช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินด้วย และ
2) การดื่มน้ำเปล่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะช่วยลดความอยากอาหารได้ ทำให้แคลอรีที่ได้รับจากอาหารลดลงและลดความเสี่ยงในการมีน้ำหนักเพิ่ม เมื่อดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ทำให้ลดโอกาสการดื่มน้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง จึงควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การดื่มน้ำเปล่าที่เพียงพอจะช่วยเรื่องสุขภาพของผิวพรรณด้วย ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอ จึงนับเป็นปัจจัยสำคัญต่อร่างกายและช่วยชะลอความอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย
สำหรับเทคนิคการดื่มน้ำช่วยลดน้ำหนัก สามารถปฏิบัติได้ในช่วงเวลาดังนี้
1) ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ในเวลา 06.00 - 07.00 น. เพื่อช่วยลดภาวะขาดน้ำจากการนอนหลับ อีกทั้งช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และกระตุ้นการขับถ่ายได้อีกด้วย2) ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วงเช้า ในเวลา 08.00 - 09.00 น. โดยดื่มน้ำก่อนมื้อเช้า 15 - 20 นาที แล้วค่อยกินมื้อเช้าเพราะถ้ากินอาหารตามทันที น้ำที่ไปเจือจางน้ำย่อย จะส่งผลให้การย่อยอาหารไม่ดี และหลังอาหารให้จิบน้ำเพียงครึ่งแก้วพอ
3) ดื่มน้ำ 2 - 3 แก้ว ในช่วงเวลาระหว่างวัน เวลา 09.00 - 13.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาทำงาน ให้ดื่มน้ำระหว่างวันไปเรื่อย ๆ เพื่อลดการสูญเสียน้ำในระหว่างวัน นอกจากนี้น้ำยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย อีกด้วย
4) ดื่มน้ำ 2 แก้ว ช่วงบ่ายและเย็น เวลา 13.00 - 17.00 น. พยายามดื่มน้ำเปล่าในปริมาณ 2 - 3 แก้ว จะช่วยแก้กระหาย และทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น
5) ดื่มน้ำ 2 - 3 แก้ว ช่วงเย็นและก่อนนอน เวลา 18.00 - 22.00 น การดื่มน้ำช่วงเย็น ให้ดื่มก่อนและหลังกินมื้อเย็น และแบ่งบางส่วนไปดื่มช่วงก่อนนอน เพื่อช่วยชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้ และป้องกันร่างกายขาดน้ำขณะนอนหลับ
ทั้งนี้ หลักการลดน้ำหนักที่ดีนั้นควรลดไขมันที่เป็นส่วนเกินในร่างกาย ไม่ใช่ลดกล้ามเนื้อ ดังนั้นอย่าอดอาหารควรควบคุมอาหารโดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงของหวาน ของมัน ของทอด ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน