แนะนำเทคนิคลดความอ้วนที่ปรับใช้ในที่ทำงานได้
หากคุณเป็นสาวออฟฟิศที่มีคำพูดติดปากว่า "อยากลดความอ้วนจัง แต่ไม่มีเวลาเลย" ติดที่งานยุ่ง นั่งทำงานทั้งวันบ้าง เบามื้อเช้า-หนักมื้อเที่ยง-รุนแรงมื้อเย็นบ้าง กินอาหารไม่ตรงเวลาบ้าง ความเครียดรุมล้อม จนต้องประสบปัญหารูปร่างเปลี่ยนไป บางคนนี่น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากสมัยเรียนถึง 10 กิโล! ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำหนักที่ดูจะแย่ลงเท่านั้น มันอาจลุกลามไปทำร้ายสุขภาพด้วย เพราะเมื่อมีไขมันที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งโรคร้ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดัน ไขข้อเสื่อม เยอะแยะไปหมด
ทั้งที่ใจจริงแล้ว อยากจะหาเวลาสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ไปออกกำลังกาย แต่กว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ เหน็ดเหนื่อย อยากกลับบ้านพักผ่อนมากกว่าออกแรง ไหนจะต้องเตรียมเมนูเพื่อสุขภาพไว้รับประทานอีก เพราะอาหารตามท้องตลาดก็มีส่วนผสมอ้วน ๆ ทั้งนั้น (และก็อร่อย ๆ ทั้งนั้นด้วย) แถมช่วงบ่าย ก็หิว ก็ง่วง เลยต้องมีขนมกรอบแกรบมาตั้งเรียงรายเป็นเครื่องประดับโต๊ะทำงานอยู่เสมอ ทำงานไป เคี้ยวไปเพลิน ๆ แต่... แคลอรี่พุ่งไม่รู้ตัว ไหนจะอายุอานามที่มากขึ้น เมแทบอลิซึมขี้เกียจทำงาน วันนี้อย่าให้ข้ออ้างเหล่านี้มาเป็นอุปสรรค เพราะเราสามารถ "ลดอ้วนได้ที่ออฟฟิศ" ด้วย 5 เทคนิคนี้ ไม่จำเป็นต้องหาเวลาไปฟิตเนสก็ได้ ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า
1. ปรับพฤติกรรมการกิน
จะขนมห่อ ชาไข่มุก หรือเครื่องดื่มหนักน้ำตาล แต่มีประโยชน์น้อยมาก หากชอบกินก็ควรปรับลดลงและเลิกให้ได้ เพราะของเหล่านี้มักจะพ่วงโซเดียมและน้ำตาล ซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำและสะสมไขมัน เพิ่มความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในแต่ละมื้อให้สมดุล เช่น การกินมื้อเช้าให้อิ่ม เลือกอาหารที่มีประโยชน์ กินโฮลเกรนแทนการกินขนมปังหวาน หรือกินข้าวกับผักและโปรตีนต่าง ๆ เพื่อร่างกายและสมองจะได้มีแรงทำงานได้ทั้งวัน ส่วนมื้อกลางวันก็เบาลง เพราะการกินมื้อกลางวันหนัก ๆ จะทำให้เกิดอาการง่วงและเฉื่อยได้ ซึ่งสาวออฟฟิศส่วนใหญ่จะปลุกตัวเองด้วยขนมและเครื่องดื่มตอนบ่าย ๆ ให้เปลี่ยนเป็นผลไม้ เช่น ฝรั่ง แตงโม ชมพู่ หรือกีวี่จะดีกว่า นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยเรื่องผิวได้ด้วย ส่วนมื้อเย็น ถ้าเลิกเดินเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ได้จะดีมาก ลองมองหาผักมาทำสลัด หรือกินยำแทนข้าวหรือของทอดจานโตแทน
2. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
น้ำช่วยให้กระชุ่มกระชวยขึ้น ขับสารพิษ และหากดื่มน้ำเพียงพอก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลองดื่มน้ำสัก 1-2 แก้วก่อนรับประทานอาหาร จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มและกินได้น้อยลง เมื่อเราเติมน้ำให้กับเซลล์ในร่างกายแล้ว ระบบการทำงานและการเผาผลาญก็จะเครื่องฟิตสตาร์ตติดง่ายขึ้นมา สำหรับบางคนที่ชอบดื่มชากาแฟ ก็ควรดื่มน้ำทดแทนเพราะคาเฟอีนจะขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ถ่ายปัสสาวะบ่อย หลีกเลี่ยงครีมและน้ำตาลจะดีที่สุด เพราะชาและกาแฟเพียว ๆ แบบไม่ใส่ครีมและน้ำตาลช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ด้วยนะ
3. ขยับตัว ลุกไปทำนั่นทำนี่บ่อย ๆ
ส่วนใหญ่เราจะอยู่กับคอมพิวเตอร์และการประชุมเป็นหลัก ทำให้ในแต่ละวันต้องถูกสตัฟฟ์ให้อยู่ในท่าเดิมตลอดระยะเวลา 3-6 ชั่วโมง การไม่ขยับปรับเปลี่ยนท่าเลย ไม่ได้ส่งผลแค่ร่างกายที่อ้วนฉุขึ้น แต่จะเกิดอาการปวดหัว ปวดบ่า ปวดหลัง แขนชา จนอาจกลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ หากมีโอกาสก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ ขยับท่าคลายกล้ามเนื้อบ้าง ลองสละเวลาสัก 5-10 นาทีทำท่าบริหารง่าย ๆ ในออฟฟิศ สมัยนี้มีข้อมูลให้อ่านกันทั่วไปในอินเทอร์เน็ต หรือจะลุกออกจากโต๊ะเดินไปเดินมา ลุกไปถ่ายเอกสารที่อีกมุมห้อง หรือลองใช้ห้องน้ำของชั้นล่างลงมาสัก 2 ชั้นแทน โดยการเดินขึ้นลงบันไดก็ช่วยได้เยอะ แต่ก็ไม่ใช่อู้งานแบบหายไปเลยทีเดียว 15-20 นาทีนะคะ เดี๋ยวงานจะไม่เสร็จแล้วคุณหัวหน้าจะเพ่งเล็งเอาได้ค่ะ
4. เลิกกินมื้อกลางวันที่โต๊ะทำงาน
การกินมื้อกลางวันไปทำงานไป หรือเล่นคอมฯ ไปไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะเราจะไม่ใส่ใจกับอาหารตรงหน้า คล้าย ๆ กับคนที่ดูหนังไปกินป๊อปคอร์นไปนั่นแหละ ที่กินป๊อปคอร์นกองโตโดยไม่รู้ตัว เรียกว่าอร่อยเพลินเกินห้ามใจ ซึ่งการใส่ใจในการกินและเคี้ยวอาหารนั้น ได้รับการยืนยันแล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้ ในแต่ละคำควรเคี้ยวให้นานขึ้น เพื่อให้กระเพาะทำงานเบาลง ควรเจียดเวลาอย่างน้อย 20 นาที ไปนั่งรับประทานอาหารที่ห้องครัวหรือศูนย์อาหาร อย่างน้อยก็ได้โอกาสเดินออกไปข้างนอก มีเวลาพักกลางวันตั้ง 1 ชั่วโมง ใช้ให้คุ้มค่านะคะ ใช้ให้มีแรงทำงานช่วงบ่ายต่อไปได้จนจบวันค่ะ
5. ใช้วันช็อปปิ้งให้เป็นวันที่เสียเหงื่อ
สาวออฟฟิศร้อยทั้งร้อยชอบช็อปปิ้ง เดินดูเสื้อผ้า เครื่องสำอางกันทั้งนั้น ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงจากไหนไปเดินห้างนะคะ แล้วจะปล่อยโอกาสในการเบิร์นหลุดมือได้อย่างไร สาว ๆ ชอบอ้างว่า วันทำงานไม่มีเวลาและเหนื่อยเกินไปสำหรับการออกกำลังกาย แต่วันหยุดก็ชอบไปเดินช็อปปิ้งพักผ่อนใจมากกว่า ถ้าอย่างนั้นมาเบิร์นไขมันด้วยการเดินช็อปกันดีกว่าค่ะ ไอเดียง่าย ๆ เช่น เริ่มต้นวันแห่งการช็อปที่แพลทินัม (อยากช็อปแต่ก็ต้องประหยัดเป็นด้วยนะคะ) เดินทุกชั้น เข้าทุกซอย เดินดูทุกล็อค เสร็จจากนั้นก็เดินมาเซ็นทรัลเวิลด์ เดินสอดส่องไปทั้งห้าง แล้วเดินต่อไปสยามด้วยสกายวอล์ก ทะลุเข้าพารากอน สยามดิสฯ ข้ามไปสยามเซ็นฯ แล้วเดินเลาะไปถึงมาบุญครอง รับรองว่า ได้เบิร์นแคลอรี่และใช้เวลาช็อปทั้งวันอย่างคุ้มค่า ได้ดูสินค้าที่ชอบ ได้อัปเดตเทรนด์ตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง ๆ ด้วยนะ
การลดความอ้วน หากเรามองแค่อุปสรรคทางด้านเวลาเมื่อไหร่ก็ไม่พร้อม ถึงแม้จะนั่งทำงานทั้งวัน เราก็สามารถหักห้ามการกินที่เกินพอดี และขยับให้มากขึ้น หรือชวนเพื่อน ๆ ในทีมมาขยับออกท่าบริหารยืดกล้ามเนื้อไปด้วยกัน ก็ช่วยเพิ่มการเบิร์นไขมันได้ แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ
ทั้งที่ใจจริงแล้ว อยากจะหาเวลาสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ไปออกกำลังกาย แต่กว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ เหน็ดเหนื่อย อยากกลับบ้านพักผ่อนมากกว่าออกแรง ไหนจะต้องเตรียมเมนูเพื่อสุขภาพไว้รับประทานอีก เพราะอาหารตามท้องตลาดก็มีส่วนผสมอ้วน ๆ ทั้งนั้น (และก็อร่อย ๆ ทั้งนั้นด้วย) แถมช่วงบ่าย ก็หิว ก็ง่วง เลยต้องมีขนมกรอบแกรบมาตั้งเรียงรายเป็นเครื่องประดับโต๊ะทำงานอยู่เสมอ ทำงานไป เคี้ยวไปเพลิน ๆ แต่... แคลอรี่พุ่งไม่รู้ตัว ไหนจะอายุอานามที่มากขึ้น เมแทบอลิซึมขี้เกียจทำงาน วันนี้อย่าให้ข้ออ้างเหล่านี้มาเป็นอุปสรรค เพราะเราสามารถ "ลดอ้วนได้ที่ออฟฟิศ" ด้วย 5 เทคนิคนี้ ไม่จำเป็นต้องหาเวลาไปฟิตเนสก็ได้ ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า
1. ปรับพฤติกรรมการกิน
จะขนมห่อ ชาไข่มุก หรือเครื่องดื่มหนักน้ำตาล แต่มีประโยชน์น้อยมาก หากชอบกินก็ควรปรับลดลงและเลิกให้ได้ เพราะของเหล่านี้มักจะพ่วงโซเดียมและน้ำตาล ซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำและสะสมไขมัน เพิ่มความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในแต่ละมื้อให้สมดุล เช่น การกินมื้อเช้าให้อิ่ม เลือกอาหารที่มีประโยชน์ กินโฮลเกรนแทนการกินขนมปังหวาน หรือกินข้าวกับผักและโปรตีนต่าง ๆ เพื่อร่างกายและสมองจะได้มีแรงทำงานได้ทั้งวัน ส่วนมื้อกลางวันก็เบาลง เพราะการกินมื้อกลางวันหนัก ๆ จะทำให้เกิดอาการง่วงและเฉื่อยได้ ซึ่งสาวออฟฟิศส่วนใหญ่จะปลุกตัวเองด้วยขนมและเครื่องดื่มตอนบ่าย ๆ ให้เปลี่ยนเป็นผลไม้ เช่น ฝรั่ง แตงโม ชมพู่ หรือกีวี่จะดีกว่า นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยเรื่องผิวได้ด้วย ส่วนมื้อเย็น ถ้าเลิกเดินเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ได้จะดีมาก ลองมองหาผักมาทำสลัด หรือกินยำแทนข้าวหรือของทอดจานโตแทน
2. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
น้ำช่วยให้กระชุ่มกระชวยขึ้น ขับสารพิษ และหากดื่มน้ำเพียงพอก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลองดื่มน้ำสัก 1-2 แก้วก่อนรับประทานอาหาร จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มและกินได้น้อยลง เมื่อเราเติมน้ำให้กับเซลล์ในร่างกายแล้ว ระบบการทำงานและการเผาผลาญก็จะเครื่องฟิตสตาร์ตติดง่ายขึ้นมา สำหรับบางคนที่ชอบดื่มชากาแฟ ก็ควรดื่มน้ำทดแทนเพราะคาเฟอีนจะขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ถ่ายปัสสาวะบ่อย หลีกเลี่ยงครีมและน้ำตาลจะดีที่สุด เพราะชาและกาแฟเพียว ๆ แบบไม่ใส่ครีมและน้ำตาลช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ด้วยนะ
3. ขยับตัว ลุกไปทำนั่นทำนี่บ่อย ๆ
ส่วนใหญ่เราจะอยู่กับคอมพิวเตอร์และการประชุมเป็นหลัก ทำให้ในแต่ละวันต้องถูกสตัฟฟ์ให้อยู่ในท่าเดิมตลอดระยะเวลา 3-6 ชั่วโมง การไม่ขยับปรับเปลี่ยนท่าเลย ไม่ได้ส่งผลแค่ร่างกายที่อ้วนฉุขึ้น แต่จะเกิดอาการปวดหัว ปวดบ่า ปวดหลัง แขนชา จนอาจกลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ หากมีโอกาสก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ ขยับท่าคลายกล้ามเนื้อบ้าง ลองสละเวลาสัก 5-10 นาทีทำท่าบริหารง่าย ๆ ในออฟฟิศ สมัยนี้มีข้อมูลให้อ่านกันทั่วไปในอินเทอร์เน็ต หรือจะลุกออกจากโต๊ะเดินไปเดินมา ลุกไปถ่ายเอกสารที่อีกมุมห้อง หรือลองใช้ห้องน้ำของชั้นล่างลงมาสัก 2 ชั้นแทน โดยการเดินขึ้นลงบันไดก็ช่วยได้เยอะ แต่ก็ไม่ใช่อู้งานแบบหายไปเลยทีเดียว 15-20 นาทีนะคะ เดี๋ยวงานจะไม่เสร็จแล้วคุณหัวหน้าจะเพ่งเล็งเอาได้ค่ะ
4. เลิกกินมื้อกลางวันที่โต๊ะทำงาน
การกินมื้อกลางวันไปทำงานไป หรือเล่นคอมฯ ไปไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะเราจะไม่ใส่ใจกับอาหารตรงหน้า คล้าย ๆ กับคนที่ดูหนังไปกินป๊อปคอร์นไปนั่นแหละ ที่กินป๊อปคอร์นกองโตโดยไม่รู้ตัว เรียกว่าอร่อยเพลินเกินห้ามใจ ซึ่งการใส่ใจในการกินและเคี้ยวอาหารนั้น ได้รับการยืนยันแล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้ ในแต่ละคำควรเคี้ยวให้นานขึ้น เพื่อให้กระเพาะทำงานเบาลง ควรเจียดเวลาอย่างน้อย 20 นาที ไปนั่งรับประทานอาหารที่ห้องครัวหรือศูนย์อาหาร อย่างน้อยก็ได้โอกาสเดินออกไปข้างนอก มีเวลาพักกลางวันตั้ง 1 ชั่วโมง ใช้ให้คุ้มค่านะคะ ใช้ให้มีแรงทำงานช่วงบ่ายต่อไปได้จนจบวันค่ะ
5. ใช้วันช็อปปิ้งให้เป็นวันที่เสียเหงื่อ
สาวออฟฟิศร้อยทั้งร้อยชอบช็อปปิ้ง เดินดูเสื้อผ้า เครื่องสำอางกันทั้งนั้น ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงจากไหนไปเดินห้างนะคะ แล้วจะปล่อยโอกาสในการเบิร์นหลุดมือได้อย่างไร สาว ๆ ชอบอ้างว่า วันทำงานไม่มีเวลาและเหนื่อยเกินไปสำหรับการออกกำลังกาย แต่วันหยุดก็ชอบไปเดินช็อปปิ้งพักผ่อนใจมากกว่า ถ้าอย่างนั้นมาเบิร์นไขมันด้วยการเดินช็อปกันดีกว่าค่ะ ไอเดียง่าย ๆ เช่น เริ่มต้นวันแห่งการช็อปที่แพลทินัม (อยากช็อปแต่ก็ต้องประหยัดเป็นด้วยนะคะ) เดินทุกชั้น เข้าทุกซอย เดินดูทุกล็อค เสร็จจากนั้นก็เดินมาเซ็นทรัลเวิลด์ เดินสอดส่องไปทั้งห้าง แล้วเดินต่อไปสยามด้วยสกายวอล์ก ทะลุเข้าพารากอน สยามดิสฯ ข้ามไปสยามเซ็นฯ แล้วเดินเลาะไปถึงมาบุญครอง รับรองว่า ได้เบิร์นแคลอรี่และใช้เวลาช็อปทั้งวันอย่างคุ้มค่า ได้ดูสินค้าที่ชอบ ได้อัปเดตเทรนด์ตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง ๆ ด้วยนะ
การลดความอ้วน หากเรามองแค่อุปสรรคทางด้านเวลาเมื่อไหร่ก็ไม่พร้อม ถึงแม้จะนั่งทำงานทั้งวัน เราก็สามารถหักห้ามการกินที่เกินพอดี และขยับให้มากขึ้น หรือชวนเพื่อน ๆ ในทีมมาขยับออกท่าบริหารยืดกล้ามเนื้อไปด้วยกัน ก็ช่วยเพิ่มการเบิร์นไขมันได้ แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น