รีวิวลดน้ำหนัก! วิธีธรรมชาติ น้ำหนักหายไป 17 กิโลกรัม ในเวลาเพียง 4 เดือน

สวัสดีค่ะเราชื่อโบว์ เพื่อนๆจะเรียกเราว่า "โบว์อ้วน"
ย้อนกลับไปเดิมที เราเคยมีแฟนตอนมหาลัย คบกันนานจนถึงปี 2 สุดท้ายก็เลิกกันเพราะเขาไปมีคนใหม่ เป็นรุ่นน้องในคณะ เราอกหัก เลยปล่อยตัวเองมานานมาก ไม่ดูแลตัวเองเลย ทำให้อ้วนขึ้นมาก
กลุ่มเราจะมี 2 โบว์ คือ เราเอง ที่ตัวอ้วนเพื่อนเลยเรียกว่า "โบว์อ้วน" ส่วนอีกโบว์ หน้าตาดี เพื่อนเลยเรียกว่า "โบว์สวย" (ขอความเป็นธรรมด้วยค่ะ T_T)

ส่วนนี้ก็เป็นรูปอดีตของเราค่ะ นี่คือชุดตัวเก่งแล้วเด้อ น่าร๊าคอ่ะ รัดแน่นเป็นแหนมเลย นึกว่าโอ่งเดินได้ 555+ เราก็ไม่รู้จะแฟนหาจากที่ไหน สำเพ็งมีไหม หรือประตูน้ำ T_T ผัวตัวกี่บาท จะซื้อ 5555
เพื่อนก็เริ่มแต่งงานมีลูกกันไป ไม่ค่อยมีเวลาให้เราแล้ว ไม่อยากอยู่คนเดียวโว้ยยยย....ปฏิบัติการหาผัวจึงเริ่มขึ้น เพื่อนเราบอกว่า ปากบอกว่าอยากได้ผู้ชายมาทำผัว...แต่ถามผู้ชายก่อนไหม อยากเป็นผัวเมิงหรือเปล่า จุก! สิค่ะ เราจึงคิดได้ขึ้นมาทันทีว่า "ก่อนที่เราจะให้คนอื่นเห็นค่าเรา เราต้องทำตัวเราให้มีค่าก่อน " ปิ๊ง! มงลงเลยค่ะ

ขั้นแรก เราต้องหาค่า BMR และ TDEE คือเพดานค่าพลังงานแคลอรี่อาหาร ที่ต้องกินแต่ละวัน
BMR คือ แคลอรี่ต่ำสุดที่เราต้องกิน เพื่อใช้เป็นพลังงานพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่น การตื่น การหายใจ การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ในภาวะที่เราอยู่เฉยๆ ไม่เคลื่อนไหวร่างกายเลย ให้ระบบร่างกายทำงานไป ถ้ากินไม่ถึงขั้นต่ำ BMR อาจจะโยโย่เอฟเฟค เพราะระบบเผาผลาญพัง
TDEE คือ ค่าของพลังงานแคลอรี่ที่ใช้ทั้งหมดในแต่ละวัน เมื่อมีการทำกิจกรรมต่างๆ เราไม่ควรกินเกินนี้ เพราะถ้าเกิน มันจะเหลือ ร่างกายจะเก็บไปสะสมเป็นไขมันอีก
เราแนบลิงค์มาให้ด้วย เผื่อทุกคนอยากลองหาของตัวเอง

เทคนิค : แนะนำให้กินน้อยกว่าค่า TDEE - 250 แคลอรี่ ไปจนถึง -500 แคลอรี่ การกินให้ติดลบทีละนิด ร่างกายจะได้ไปดึงพลังงานที่สะสมมาใช้ แต่ไม่ควรลบติดมาก ๆ เพราะระบบเผาผลาญพังได้

การคำนวณแคลอรี่ เราแนะนำแอฟมือถือ "จด Calorie" แค่เราพิมพ์ไปในช่องค้นหาว่าเรากินเมนูอะไร มันก็บอกมาเลย สะดวกดี แถมมีโหมดบันทึกด้วยว่าเรากินไปกี่แคลอรี่แล้ว....เรื่องแคลอรี่ เราก็คำนวนบ้าง ไม่คำนวนบ้าง อาศัยดูเมนูที่กินบ่อย ถ้ามานั่งนับตลอด เราจะปวดหัว กลายเป็นเครียดเกิน กดดันตัวเอง มันเบื่อ หลังๆเราก็ไม่ค่อยสนใจมาก

เช้า : เน้นแป้ง 50% , โปรตีน 25 % , ผัก 25 %
แป้งทำให้อ้วนก็จริง แต่ถ้าร่างกายไม่ได้รับแป้งเลย ร่างกายจะตกใจว่าเรากำลังขาดแคลนอาหาร และเมื่อเรากลับมากินเยอะ ร่างกายจะเก็บแป้งหมดเลย กลายเป็นภาวะโยโย่แอฟเฟค อ้วนกว่าเดิม เราจึงต้องกินแป้ง แต่เราจะเลือกเน้นกินแป้งมื้อเช้าสุดให้หนักหน่อย เพราะระหว่างวัน เราก็เดิน ทำงาน เคลื่อนไหว พลังงานตรงนี้จะดึงไปใช้พอดีกับหนึ่งวัน มีบทความจากการวิจัยพบว่าการรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้น้ำหนักลดลงได้ดี เพราะการกินอาหารเช้าน้อยโดยเฉพาะแป้ง จะทำให้เราเพลียและเพิ่มความอยากกินอาหารระหว่างวันมากขึ้น แต่ให้เลือกเป็นแป้งเชิงซ้อน พวก ข้าวไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวไรซ์เบอรี่ จะดีมาก
จากรูปด้านบน

ตอนแรกเรากินยี่ห้อ Super Herb ที่เป็นกระป๋อง เขาซื้อมาฝากจากเมืองนอก คงเห็นว่าเราลดความอ้วน ก็กินได้นะ แต่จะเวียนหัวกับกลิ่นวลิลาที่ผสมมา ตอนหลังเปลี่ยนมากินของเกาหลีแบบซองสีเหลือง ยูจาฮันรากแดนดิไลออนคั่วบด รู้สึกเห็นผลดีกว่า คงเพราะผสมดอกกุหลาบที่ช่วยระบบขับถ่าย เราจะชงกับน้ำร้อน จิบเรื่อยๆ เติมน้ำ จิบจนน้ำมันใสไปเลยก็ได้ และมักจะกินก่อนอาหาร

เที่ยง : เน้นโปรตีน 50% , แป้ง 25 % , ผัก 25 %
ความยากตรงที่ร้านข้าวแกงไม่มีข้าวกล้องขาย เราจะซื้อข้าวกล้องเซเว่นมากิน แต่จะกินไม่หมดถ้วย เราจะเอามาผสมกับบุกข้าวเพื่อเพิ่มไฟเบอร์และลดคาร์โบไฮเดรต บุกข้าวคือ หัวบุกที่เอามาแปรรูป และขึ้นรูปเลียนแบบเป็นทรงเมล็ดข้าวจริงๆ เวลาเคี้ยวก็จะหนึบๆหน่อย เราว่ากินเพียวๆจะเหมือนเคี้ยวหนังยาง 5555+ แต่เอามาผสมข้าวก็กินง่ายหน่อย...แล้วผักกับโปรตีน เราก็จะซื้อเป็นกับข้าวจากร้านข้าวแกง ในตัวอย่างเราซื้อผัดผัก กับโปรตีนอกไก่จากเซเว่น

หลังเลิกงานก่อนกลับบ้าน เราจะกินไข่ต้ม 1 ฟอง (กินแต่ไข่ขาว) และกินกล้วยหอมในเซเว่น 1 ลูก พอถึงบ้านแล้ว ก็ไปวิ่งออกกำลังกาย หรือปั่นจักรยานในฟิตเนส แบบต่อเนื่อง 40 นาที ถ้าไหวก็อัดไป 1 ชั่วโมง แต่จะไม่เน้นวิ่งเร็วหรือปั่นเร็วแบบมากๆ เน้นความเร็วสม่ำเสมอและต่อเนื่อง หรือกระโดดเชือกอยู่ที่บ้านแทนก็ได้ เอาที่สะดวก

เช้าวันเสาร์และอาทิตย์ เราจะทำดีท็อกตอนเช้า กระตุ้นระบบขับถ่าย ที่จะแชร์คือมี 2 สูตร
สูตรที่ 1 : น้ำต้นอ่อนข้าวสาลี เราซื้อชุดใหญ่มาปลูกเอง เห็นว่าประโยชน์เยอะมาก แต่กลิ่นกับรส อ๊วกแทบพุ่ง เราก็กินบ้างไม่กินบ้าง แต่ลองผสมกับน้ำผลไม้ก็ช่วยได้บ้าง

เครดิตแหล่งข้อมูล : pantip