ออกกำลังกาย แต่ทำไมยังมีพุง รู้จักกับพุงทั้ง3ชั้น
พุงเป็นอวัยวะที่ลดยากที่สุดในร่างกาย เพราะเวลาที่ร่างกายสะสมไขมัน ก็จะสะสมที่ไขมันชั้นที่1
เวลาสะสมไปเรื่อยๆ จนพุงโตที่เหมือนๆที่หลายคนรู้จักอ้วนพุงเบียร์
________________________________________
พุงชั้นที่ 1 หรือไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (SUBCUTANEOUS FAT)
เป็นชั้นที่เราสามารถจับหรือบีบติดมือเราขึ้นมาได้ ชั้นนี้จะเป็นพลังงานสำรองให้กับร่างกายยามขาดแคลนอาหารซึ่งสามารถลดได้จากการควบคุมอาหารให้เหมาะสม เมื่อเราควบคุมอาหาร ร่างกายก็ต้องนำไขมันส่วนนี้มาใช้ ทำให้น้ำหนักของเราลดลงได้ และยิ่งออกกำลังกายด้วยก็จะยิ่งทำให้พุงส่วนนี้ลดง่ายขึ้นไปอีก
พุงชั้นที่ 2 หรือกล้ามเนื้อหน้าท้อง (ABDOMINAL MUSCLES)
ชั้นนี้สำหรับคนที่มีน้ำหนักไม่มาก ผอม หรือคนที่ตื่นมาตอนเช้าหน้าท้องก็ดูปกติดี แต่พอได้กินเท่านั้นแหละ ท้องป่องออกมาเหมือนคนใกล้คลอด สาเหตุเกิดจากความไม่แข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ต้องพยุงอวัยวะภายในนั่นเอง ซึ่งหากไม่แข็งแรงก็จะทำให้เวลาที่เรากินอาหารเข้าไป หน้าท้องส่วนนี้ก็จะไม่มีแรงพยุงให้อยู่ทรง ส่งผลให้พุงห้อยออกมา
วิธีแก้ไขให้กล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนนี้กลับมาแข็งแรงดังเดิม แน่นอนว่าคือการออกกำลังกาย หลายๆ คนคงคิดถึงท่าซิตอัพเป็นอันดับแรกๆ แต่เป็นท่าที่เราไม่แนะนำ เพราะท่าซิตอัพจะทำได้แค่ช่วงกล้ามเนื้อท้องส่วนกลางเท่านั้น จึงขอแนะนำท่าแพลงก์ (Plank) ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อหลายส่วนหลายมัดทำงานร่วมกันได้ดีกว่า และเห็นผลในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ดีกว่า แต่ถ้ายังไม่ถูกใจยังมีวิธีการบริหารกล้ามเนื้อส่วนนี้อีกหลายแบบเลย เช่น ท่าครันช์ (Crunch) ในแบบต่างๆ หรือการวิดพื้น เป็นต้น ใครมีปัญหาแบบนี้อยู่ลองไปทำกันดูนะ
พุงชั้นที่ 3 หรือไขมันในช่องท้อง (VISCERAL FAT)
เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ในช่องท้องที่เกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป แน่นอนว่าสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีไขมันในส่วนนี้สะสมอยู่น้อย ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะมีน้ำหนักมากก็ตาม ไขมันส่วนนี้สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ และหากเป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวยังสามารถที่จะชักนำให้ร่างกายสร้างสารก่อการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดทั่วร่างกาย และเนื่องจากมันอยู่ติดอวัยวะภายใน จึงเหมือนกับอวัยวะภายในของเราถูกแช่อิ่มด้วยไขมันที่คอยขัดขวางทางเดินของเลือดไม่ให้ไปหล่อเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งอันตรายมาก การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลดไขมันส่วนนี้ โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทแอโรบิค เช่น วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น จะช่วยลดไขมันส่วนนี้อย่างได้ผลและรวดเร็ว
_________________________________________
ที่น้ำหนักลด วิ่งแล้วพุงไม่หาย เพราะพุงชั้น1มันยังสะสมอยู่ ซึ่งสะสมมานานมากๆตั้งแต่รวมๆก็หลายสิบปี
ยังมีคนเข้าใจผิดว่า ชิคอัพเยอะๆสิ จะได้มีหน้าท้อง ชิคแพ็คจะขึ้น ชิคแพ็คจะเกิดขึ้นในเมือไขมันชั้น3 หายไป หรือไขมันเหลือ15% ไขมันพวกนี้จะหายได้ด้วยการ คาดิโอ ไม่ว่าการปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และการวิ่ง ที่ทำให้อัตราการเต้นหัวใจคุณเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติ จะถึงโซนที่หัวใจเต้น 60-70 เปอร์เซ็นต์ การคาดิโอ 30 นาทีแบบเบาๆ ช่วยคุณเผาผลาญได้ประมาณ 150 แคลการบริหารท่าใดท่าหนึ่ง ทำได้แค่ให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เราเน้นมีมากขึ้น ท่าที่แนะนำคือ แพลงบ่อยๆค่ะ
พอไขมันชั้น3เริ่มหายไป เราควรมาสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อ 1 กก สามารถเพิ่มอัตราเผาผลาญได้ 100 แคลต่อวันโดยประมาณ ส่วนวิธีการออกกำลังกายแบบนี้คือออกกำลังกายแบบมีแรงต้านเช่น การเล่นเวท ฟรีเวท วิธีนี้จะทำให้คุณมีอัตราเผาผลาญเพิ่มขึ้นอย่างถาวร คุณควรที่จะเลือกน้ำหนักที่เหมาะสมกับร่างกายคุณด้วย ไม่ใช่ยกน้ำหนักลูกเล็กๆ ทำไปอีก10ปีมันก็ไม่สร้างกล้ามเนื้อ การเล่นเวทที่ถูกต้อง 1 ชั่วโมง จะทำให้คุณใช้พลังงานประมาณ 200-300แคล
________________________________________
ควบคุมอาหาร ไม่แนะนำให้เคร่งจนเกินไปนะคะ เพราะว่าเดี๋ยวมันจะทำเป็นวินัยไม่ได้ ลดของมัน ของทอด ของหวาน น้ำอัดลมได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว ทุกอย่างที่บอกเอาไว้ข้างบน จะไม่เห็นผลเลยถ้าไม่มีวินัย คุณต้องออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 4 วัน ควบคุณการกินอย่างน้อยอาทิตย์ละ 6 วัน มี1วันที่กินตามใจนะ
การลดสัดส่วน ถ้าวิธีที่คุณทำแล้วไม่สำเร็จ ก็ลองเปลี่ยนวิธีอย่าไปดักดาน สุขภาพดี หุ่นดี ไม่มีตัวช่วย ไม่มียาช่วย ไม่มีชุดช่วย อยากได้ต้องศึกษาและลองผิดลองถูก ปรับให้เข้ากับตัวเองเครดิตแหล่งข้อมูล : nutrilite