1. ต้อง "อิ่ม" ทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
แม้ว่าคุณอาจจะเคยชินกับการรับประทานอาหารจนติดกระดุมกางเกงไม่ได้ แต่คุณก็สามารถฝึกสมองและร่างกายให้พอใจกับกินอาหารน้อยลงโดยการแบ่งมื้ออาหารและมีอาหารว่างหลังจากนั้นในแต่ละมื้อ เช่น อาหารเช้า ของว่าง อาหารกลางวัน ของว่าง อาหารเย็น ของว่าง อย่างไรก็ตามที่สำคัญคืออย่าอดอาหารหรือรับประทานจนอิ่มเกินไป นอกจากนี้การแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆตลอดทั้งวันยังช่วยป้องกันไม่ให้ระดับอินซูลินสูงเกินไปและทำให้ระบบการเผาผลาญของคุณทำงานได้ดี แถมการควบคุมน้ำหนักก็จะง่ายขึ้นอีกด้วย
2. กินจนเลยจุดของความหิว
คุณเคยรู้สึกว่ายังไม่อิ่มและกินต่อเนื่องหลังจากที่คุณรู้ตัวว่าอิ่มไหม? ทางแก้คือจงชะลอความเร็วในการกินแทนที่จะตักอาหารเร็วๆ ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาในการกินอาหาร การใส่ใจกับสีสัน องค์ประกอบ กลิ่นหอม และวัตถุดิบต่างๆของอาหารที่อยู่ในจานจะช่วยทำให้คุณเต็มอิ่มกับรสชาติ ได้สัมผัสกับความรู้สึกหิวและอิ่มได้ดีกว่าปกติ และนี่ล่ะคือการรับประทานอย่างมีสติ
3. กินมากเกินไปเมื่ออยู่คนเดียว
หากคุณมีแนวโน้มว่าจะนอกลู่นอกทางเมื่อต้องรับประทานอาหารคนเดียว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรให้ความสำคัญกับ "เก้าอี้ โต๊ะ จาน" และละเว้นนิสัยบางอย่าง เช่น ยืนรับประทานอาหาร หยิบอาหารจากตู้เย็นหรือในกล่องมากินทันที รวมถึงการรับประทานอาหารหน้าทีวีหรือขณะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ คุณควรรับประทานอาหารอย่างมีสติและอาจจะจัดวางดอกไม้หรือเทียนไขเพื่อทำให้มื้ออาหารดูพิเศษยิ่งขึ้น
4. งดอาหารเช้า
การรับประทานอาหารเช้าจะช่วยในการเผาผลาญ ขจัดน้ำหนัก และตัดความอยากอาหารระหว่างวันลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถคุมน้ำหนักที่ลดได้ในระยะยาวอีกด้วย แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกหิวหรือมักจะคลื่นไส้ในตอนเช้าก็อาจลำบากหน่อย ทางที่ดีควรรับประทานกล้วยก่อนดื่มชาหรือกาแฟเนื่องจากจะช่วยระงับความอยากคาเฟอีนและอาการคลื่นไส้ได้ หรือเตรียมอาหารเช้ามื้อเล็กๆไว้เผื่อหิวซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากตื่นนอนราว 2-3 ชั่วโมง การศึกษาล่าสุดพบว่าการงดอาหารเช้าไม่มีผลต่อน้ำหนักและการเผาผลาญทั้งในด้านบวกหรือด้านลบ
5. กินขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน
คุณมักจะหยิบมันฝรั่งทอดหรือลูกอมขณะอยู่ที่โต๊ะทำงานหรือนั่งอยู่กับที่ตลอดเวลาใช่ไหม? สาเหตุหลักคืออาการเบื่อนั่นเอง อย่างแรกเลยคุณควรวางขนมให้เข้าถึงยากเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งยั่วยวนใจ จากนั้นทุกๆ 1-1.5 ชั่วโมงควรหยุดพักสัก 5 นาทีเพื่อยืดเส้นยืดสาย ตบท้ายด้วยการดื่มน้ำสักแก้ว หากคุณยังต้องการขนมก็ควรเลือกโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพซึ่งมีส่วนผสมของกากใยอาหาร เช่น เนยถั่วอัลมอนด์หรือก้านขึ้นฉ่ายเพื่อประคองให้คุณผ่านวันนั้นไปให้ได้
6. พ่ายแพ้ต่ออาหารว่างยามดึก
การรับประทานอาหารสามมื้อรวมทั้งอาหารว่างในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันความหิวในตอนกลางคืนได้ ลองดื่มนมหรือหรือนมอัลมอนด์ 1 แก้วหรือกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากและใช้ไหมขัดฟันเพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่าถึงเวลาเข้านอนแล้ว หากคุณต้องการของว่างในตอนกลางคืนจริงๆควรจับคู่รับประทานผลไม้และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น แอปเปิ้ลหั่นบางๆและเนยถั่ว แครอทและถั่วบด กล้วยและมะม่วงหิมพานต์ หรือไก่ตุรกีม้วนและชีส เป็นต้น
7. รับประทานอาหารตามความรู้สึก
ไม่ว่าจะเป็นเพิ่งเลิกกับแฟนหรือประสบการณ์แย่ๆในที่ทำงาน ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องดับทุกข์ด้วยการรับประทานไอศกรีมเสมอไป หรือถ้าคุณต้องการจริงๆก็ควรแทนที่ด้วยอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลหรือไขมันต่ำ เช่น ไอศกรีมน้ำผลไม้ปั่นแช่แข็ง หรือชาร้อน ขอแนะนำชาขิงกับมะนาวผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยซึ่งจะช่วยบรรเทาจิตใจหลังจากที่เครียดมาทั้งวัน หรือถ้าให้ดียิ่งขึ้นผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าลองโทรหาเพื่อนสนิท ออกไปทำเล็บ นวดผ่อนคลาย ออกไปวิ่ง อ่านหนังสือ หรือดูซีรี่ส์ เป็นต้น สิ่งสำคัญคือหมั่นปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้สมองนึกถึงอาหารโดยอัตโนมัติเมื่อคุณรู้สึกเศร้าหรือเสียใจ