ไขมันหน้าท้องรอบๆ เอวของคนเราดูจะเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายๆ ทว่าก็กำจัดไปได้ยาก และไม่เพียงทำให้รูปร่างดูไม่สวยงาม แต่ยังเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่จะตามมาอีกด้วย
ข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในยุคแห่งอินเตอร์เน็ตบันทึกข้อแนะนำในการลดหน้าท้องไว้หลากหลายแบบ แต่แบบไหนคือวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทีมแพทย์จาก “ทรัสต์มีไอแอมอะด็อกเตอร์” รายการโทรทัศน์จากบีบีซี ของอังกฤษ ได้ทำการทดลองเพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้แล้ว
ทีมแพทย์ได้ใช้อาสาสมัครจำนวน 35 คน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม โดยอาสาสมัครทั้งหมดมีไขมันที่หน้าท้อง มีรอบเอวที่ใหญ่ในระดับที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 รวมถึงโรคหัวใจ
การทดลองดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของ เฟเดอริค คาร์ป ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์เกี่ยวกับระบบเผาผลาญจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และศาสตราจารย์ ไดลัน ธอมป์สัน จากมหาวิทยาลัยบาธ โดยแต่ละคนจะดูแลอาสาสมัครคนละสองกลุ่ม ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 6 สัปดาห์
ก่อนหน้าการทำการทดลองอาสาสมัครจะถูกวัดตัวแปรสุขภาพ เช่น ปริมาณไขมัน ตำแหน่งของไขมันที่อยู่ในร่างกาย ระดับการเต้นของหัวใจ ระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด น้ำหนักตัว ความดันเลือด รวมไปถึงขนาดรอบเอวด้วย
กลุ่มของศาสตราจารย์ธอมป์สัน “กลุ่มแรก” ถูกกำหนดให้สามารถกินอาหารได้เหมือนช่วงเวลาปกติในชีวิตประจำวัน แต่กลุ่มนี้จะต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เล็กน้อยด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น และเพิ่มจำนวนการก้าวเดินในแต่ละวันให้มากขึ้น
ส่วน “กลุ่มที่สอง” ใช้วิธีการลดหน้าท้องด้วยวิธีการซิตอัพ แบบที่แนะนำกันในอินเตอร์เน็ต โดยอาสาสมัครจะทำซิตอัพทั้งหมด 6 ครั้ง จำนวนสามเซตต่อวัน และจะทำทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์
“กลุ่มที่สาม” ดูแลโดยศาสตราจารย์คาร์ป จะทำตามคำแนะนำในอินเตอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมอีกแบบคือการดื่มนมทุกวันวันละ 1 ลิตร เป็นคำแนะนำที่ยึดตามงานวิจัยที่ระบุว่า การบริโภคนมจะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายเอาไขมันออกจากร่างกายผ่านอุจจาระได้มากกว่าการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
และ “กลุ่มที่สี่” อาสาสมัครจะใช้วิธีการลดปริมาณอาหาร โดยไม่ต้องเปลี่ยนอาหารที่รับประทานตามปกติ แต่ใช้มือหรือนิ้ววัดแบบคร่าวๆ เพื่อลดสัดส่วนของอาหารลง และตัดขนมระหว่างมื้ออาหารลงด้วย วิธีการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติตาม โดยที่ไม่ต้องกินอาหารที่แตกต่างจากครอบครัว และไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ อาสาสมัครทั้งหมดได้เข้ารับการทดสอบตัวแปรสุขภาพอีกครั้ง ผลปรากฏว่า
“กลุ่มแรก” ปริมาณไขมันในร่างกายไม่ได้ลดลง แต่ตัวแปรสุขภาพอื่นๆ ดีขึ้น เช่น ความดันโลหิตต่ำลง น้ำตาลในเลือดต่ำลงสู่ระดับปกติจากระดับที่อยู่ในความเสี่ยงเบาหวาน
“กลุ่มที่สอง” กลุ่มซิตอัพ พบว่าน้ำหนักไม่ลดลง สุขภาพไม่ได้ดีขึ้น แต่รอบเอวลดลงอย่างน่าประทับใจถึง 2 เซนติเมตร ศาสตราจารย์ธอมป์สันอธิบายถึงผลลัพธ์ดังกล่าวว่า แกนกลางของร่ายกายและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยเก็บไขมันได้ดีขึ้น เหมือนกับชุดชั้นในกระชับหน้าท้อง และยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่หลังและบุคลิกดีขึ้นด้วย
“กลุ่มที่สาม” ของศาสตราจารย์คาร์ป พบว่า การดื่มนมไม่ได้ส่งผลใดๆ กับน้ำหนักหรือสุขภาพ แม้ว่าการดื่มนม 1 ลิตรจะเป็นการเพิ่มพลังงานถึง 400 แคลอรีต่อวันก็ตาม โดยศาสตราจารย์คาร์ปอธิบายว่า การดื่มนมปริมาณ 1 ลิตรทำให้อาหารที่อาสาสมัครรับประทานตามปกติลดลงไปด้วย
“กลุ่มที่สี่” เป็นกลุ่มที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด อาสาสมัครกลุ่มนี้ลดน้ำหนักโดยรวมไปได้ถึง 35 กิโลกรัม อาสาสมัครแต่ละคนลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 3.7 กิโลกรัม ในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ ขณะที่รอบเอวลดได้โดยเฉลี่ยถึง 5 เซนติเมตร
นอกจากนี้ อาสาสมัคร “กลุ่มที่สี่” ยังมีไขมันในร่างกายลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ และมีไขมันที่หน้าท้องลดลงได้ถง 14 เปอร์เซ็นต์ และยังพบว่าตัวแปรที่เป็นดัชนีสำหรับสุขภาพต่างๆ ดีขึ้นด้วย แต่กลุ่มนี้ก็มีการเสียความตึงของกล้ามเนื้อที่ขาลงไปด้วยซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดี
ผลการทดลองของทีม ทรัสต์มีไอแอมอะด็อกเตอร์ ผลดีย่อมตกอยู่กับผู้ที่จะเลือกวิธีการของแต่ละกลุ่ม เพื่อนำไปใช้ให้เหมาะสมในการกำจัดไขมันที่หน้าท้องอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
ที่มา มติชน