ลดน้ำหนักยังไง ไม่ให้ย้วย ผิวกระชับ

ผิวหนังของร่างกายเรานั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น ดังนี้ –
1) ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นบริเวณชั้นนอกสุดของผิวหนัง ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าหรือออกจากร่างกาย และห่อหุ้มร่างกาย

2) ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นชั้นของผิวหนังที่อยู่ใต้หนังกำพร้า ผิวหนังชั้นนี้จะมีปลายประสาทรับความรู้สึกเจ็บและสัมผัส และมีเส้นใยอีลาสติน กับคอลลาเจน ที่จะช่วยเพิ่มความยืดหนุ่นและความกระชับให้กับผิวหนังของคุณ

3) ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutneous fat layer) ชั้นนี้จะมีเครือข่ายของเส้นใยคอลลาเจนและเซลล์ไขมัน ช่วยในการเก็บสะสมพลังงานความร้อนไม่ให้สูญเสียออกนอกร่างกาย และช่วยปกป้องร่างกาย ด้วยการดูดซับแรงกระแทกจากภายนอก ซึ่งเซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนังนี้ จะทำการยืดขยายออก เมื่อคุณมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เส้นใยอีลาสติน ในชั้นหนังแท้นั้น ต้องขยายตัวตาม และถ้าหากคุณนั้นมีหุ่นที่อ้วนนานๆ เส้นใยอีลาสติน ก็จะทำการยืดขยายตัวออกอย่างถาวร ส่วนคอลลาเจนก็จะเกิดการเรียงตัวที่ผิดปกติไปจากเดิม จนทำให้เกิดรอยแตกขึ้นและผิวหนังลายได้

ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าหากว่าคุณทำการลดน้ำหนักมากๆ ให้ลดลงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือลดน้ำหนักลงได้มากเกินกว่า 1 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์แล้ว ก็อาจจะทำให้ร่างกายของคุณเกิดผิวหย่อนคล้อยได้ เพราะผิวหนังจากที่เคยยืดขยายและหดตัวได้อย่างรวดเร็ว บางทีก็คืนสู่สภาพเดิมไม่ทันเนื่องจากอายุของคุณเอง เพราะว่าหลังจากที่ได้ทำการลดน้ำหนักนั้น ผิวหนังของคุณจะหย่อนคล้อยมากน้อยซักเพียงใดนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวที่ได้ลดลงไปและอายุของคุณด้วย ในกรณีที่คุณยังมีอายุน้อยอยู่ และได้ทำการลดน้ำหนักตัวลงไปมาก ผิวหนังของคุณก็อาจจะหย่อนคล้อย แต่จะหย่อนคล้อยน้อยกว่า และสามารถฟื้นฟูสภาพผิวหนังได้รวดเร็วกว่าคนที่อายุมาก เพราะว่าอายุที่มากขึ้นนั้น เป็นตัวแปรของปริมาณเส้นใยอีลาสติน และคอลลาเจนของผิวหนังที่มีปริมาณลดน้อยลงไปเรื่อยๆ นั่นเอง

ผอมได้แบบไม่ต้องทำร้ายผิว

ในปัจจุบันได้มีวิธีการลดความอ้วนที่นิยมทำกัน และส่งผลเสียต่อผิวหนัง อย่างเช่น การกินยาเพื่อลดความอ้วน การอดอาหาร และการตบผิวหนังตามส่วนต่างๆ เพื่อสลายไขมันออกไป การอดอาหารนั้นจะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเกิดการเสียสมดุล เพราะว่าการอดหารจะไปลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลง และส่วนการตบผิวหนังตามส่วนต่างๆ เพื่อสลายไขมันออกไปนั้น ที่ใช้ครีมและใช้ความร้อนก็จะมีผลต่อปริมาณน้ำในผิวเช่นกัน ทำให้ผิวหนังแห้ง และเหี่ยว และในความเป็นจริงแล้ว ไขมันนั้นอยู่ลงไปลึกมาก การตบผิวหนังตามส่วนต่างๆ เพื่อสลายไขมันออกไป นอกจากจะไม่สามารถกำจัดไขมันตามที่ได้กล่าวอ้างได้แล้ว ยังจะส่งผลเสียให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ และผิวหนังชั้นหนังกำพร้าให้ช้ำอีกด้วย

การลดความอ้วนที่จะไม่ส่งผลเสียต่อผิวนั้น คุณจะต้องทำการลดน้ำหนักโดยจะต้องลดลงไม่ให้เกิน 0.5 – 1 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ และต้องทำการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีด้วย คือ การลดน้ำหนักโดยการเผาผลาญไขมันในชั้นผิวหนัง ไม่ใช่การลดปริมาณน้ำ หรือปริมาณอาหาร ซึ่งการลดปริมาณอาหารก็จะไปกระทบต่อปริมาณน้ำตาลภายในเลือดด้วยเช่นกัน

วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักและผลไม้ งดการกินอาหารจำพวกแป้งและไขมัน และควรจะทำการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะการออกกำลังด้วยการเต้นแอโรบิก วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน และการว่ายน้ำ เพราะว่าการออกกำลังกายเหล่านี้ จะช่วยทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันที่ใต้ผิวหนังได้ทั่วทั้งร่างกาย ส่วนการออกกำลังกายเฉพาะส่วนๆ นั้นจะไปช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันในกล้ามเนื้อ

วิธีการแก้ผิวที่ “หย่อน ยาน และย้วย”

การฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมากระชับเช่นดังเดิมนั้น จะได้ผลมากน้อยซักแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณได้ปล่อยให้ผิวของคุณเสียไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผิวเปลือกของส้ม หรือเซลลูไลท์ที่เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนัง ถ้าหากทิ้งไว้เป็นระยะเวลาที่นานมากเกินจนไป ก็อาจจะหมดในการสิทธิ์รักษาได้ แต่ถ้าเป็นในระยะที่พึ่งเริ่มจะเป็น ก็สามารถแก้ได้ง่ายๆ ด้วยการออกกำลังกายประเภทเต้นแอโรบิก เพื่อช่วยไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันที่ใต้ผิวหนัง และควรจะเลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี โคเอนไซม์คิวเทน และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะไปช่วยบำรุงผิวหนังให้มีความแข็งแรง และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น ช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดมีการทำงานที่ดี และลดปัญหาของเซลลูไลท์ได้อีกด้วย

แต่ถ้าหากผิวของคุณนั้น ยากที่จะฟื้นฟูและได้ทำตามที่ได้แนะนำแล้วก็ไม่เห็นผล ก็อาจจะต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่สามารถรักษาได้ลึกถึงชั้นไขมัน โดยใช้ความร้อนเข้าไปจัดการกับก้อนไขมันให้เกิดการแตกตัว เช่น การใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว การทำเลเซอร์ ส่วนการทำคาร์บ็อกซี่นั้น จะช่วยในเรื่องของเซลลูไลต์ โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้าไปใต้ผิวหนัง จะไปจับตัวกับน้ำทำให้เกิดเป็นกรดคาร์บอนิก ที่จะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ช่วยไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลลูไลต์มีปริมาณที่ลดลง แต่จะต้องทำหลายๆ ครั้งจึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน

นอกจากการกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบำรุงผิวแล้ว ก็อาจจะไปหยิบจับผลไม้เอามาไว้ใกล้ๆ มือด้วย อย่าง ส้มเขียวหวาน หรือไม่ก็องุ่น เพื่อจะได้หยิบกินได้สะดวกเมื่อว่าง หรือรู้สึกว่าหิว จะได้เพิ่มความกระชับให้กับผิวของคุณให้มีความสวยงาม




ที่มา : shape.in.th

ลดน้ำหนักยังไง ไม่ให้ย้วย ผิวกระชับ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์