ไม่ต้องอดก็ลดได้! 10 เคล็ดลับผอมแน่
วารสาร American Psychologist กล่าวว่า การไดเอท หรือลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด ถึงแม้ว่า การลดน้ำหนักจะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าลดผิดวิธีก็ ก็อาจจะจะนำมาซึ่งอันตรายต่อสุขภาพอย่างใหญ่หลวง วันนี้ ที่นี่ดอทคอม จะพาคุณไปดู 10 นิสัยการกิน ที่ทำให้คุณทั้งเฮลท์ตี้ หุ่นดีแบบอุดมสมบูรณ์ จะลดน้ำหนักทั้งที ต้องลดอย่างปลอดภัยดีกว่า
1. กินช้าๆ รู้จักความชิลล์บ้าง
มีงานวิจัยพบว่า คนที่รับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว มักจะมีน้ำหนักมากกว่าคนที่รับประทานอาหารช้าๆ เพราะการที่คุณค่อยๆ กิน กระเพาะของคุณจะค่อยๆ รู้สึกอิ่มไปเอง และนั่นก็จะทำให้คุณกินน้อยลงไปด้วย และเมื่อคุณกินน้อยๆ ชิลล์ๆ เป็นนิสัย มันก็จะทำให้น้ำหนักของคุณลดลงไปเอง โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีอดอาหารให้กระเพาะทรมานแต่อย่างใด
มีงานวิจัยพบว่า คนที่รับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว มักจะมีน้ำหนักมากกว่าคนที่รับประทานอาหารช้าๆ เพราะการที่คุณค่อยๆ กิน กระเพาะของคุณจะค่อยๆ รู้สึกอิ่มไปเอง และนั่นก็จะทำให้คุณกินน้อยลงไปด้วย และเมื่อคุณกินน้อยๆ ชิลล์ๆ เป็นนิสัย มันก็จะทำให้น้ำหนักของคุณลดลงไปเอง โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีอดอาหารให้กระเพาะทรมานแต่อย่างใด
2. ดื่มน้ำเยอะๆ
การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำมากๆ ก่อนมื้ออาหารครึ่งชั่วโมง จะกินได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มน้ำก่อนทานอาหารเลย และผู้ที่ดื่มน้ำก่อนอาหาร สามารถลดน้ำหนักได้รวดเร็วกว่าถึง 44%
การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำมากๆ ก่อนมื้ออาหารครึ่งชั่วโมง จะกินได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มน้ำก่อนทานอาหารเลย และผู้ที่ดื่มน้ำก่อนอาหาร สามารถลดน้ำหนักได้รวดเร็วกว่าถึง 44%
3. เสิร์ฟอาหารในจานสีแดง
เรื่องนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่การทดลองในงานวิจัยพบว่า ผู้ทดลองเลือกที่จะกิน และดื่มน้ำจากจานและถ้วยสีฟ้า มากกว่าสีแดง ทั้งๆ ที่เมนูอาหารเหมือนกัน ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ สีแดงเป็นสีที่ละเอียดอ่อน และยังเป็นสัญญาณแห่งการ “หยุด” อีกด้วย
เรื่องนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่การทดลองในงานวิจัยพบว่า ผู้ทดลองเลือกที่จะกิน และดื่มน้ำจากจานและถ้วยสีฟ้า มากกว่าสีแดง ทั้งๆ ที่เมนูอาหารเหมือนกัน ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ สีแดงเป็นสีที่ละเอียดอ่อน และยังเป็นสัญญาณแห่งการ “หยุด” อีกด้วย
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
น้ำตาล เป็นสาเหตุหลักของความอ้วน และปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว นอกจากมันจะทำให้เรามีภาวะความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนแล้ว โรคหัวใจก็ยังจะถามหาอีกด้วย รู้รึปล่าวว่า ในน้ำอัดลม 1 ขวด มีปริมาณน้ำตาลถึง 52 กิโลกรัม ทางที่ดีคุณควรดื่มน้ำเพื่อสุขภาพอย่าง ชาเขียว กาแฟดำ น้ำผลไม้สด หรือตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยคือ น้ำธรรมดา และดีกว่านะ
น้ำตาล เป็นสาเหตุหลักของความอ้วน และปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว นอกจากมันจะทำให้เรามีภาวะความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนแล้ว โรคหัวใจก็ยังจะถามหาอีกด้วย รู้รึปล่าวว่า ในน้ำอัดลม 1 ขวด มีปริมาณน้ำตาลถึง 52 กิโลกรัม ทางที่ดีคุณควรดื่มน้ำเพื่อสุขภาพอย่าง ชาเขียว กาแฟดำ น้ำผลไม้สด หรือตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยคือ น้ำธรรมดา และดีกว่านะ
5. กินอย่างเดียว
รู้มั้ยว่า การกินอย่างเดียวโดยที่ไม่ดูทีวี ไม่เล่นเกมส์ หรือนั่งเล่นโทรศัพท์ไถเฟซบุ๊คไปเรื่อยๆ ช่วยให้คุณกินได้น้อยลง เพราะมันจะทำให้คุณมีเวลาเทคทามกับอาหารมากขึ้น โฟกัสที่อาหารอย่างเดียว และจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มอย่างรวดเร็วขึ้น
รู้มั้ยว่า การกินอย่างเดียวโดยที่ไม่ดูทีวี ไม่เล่นเกมส์ หรือนั่งเล่นโทรศัพท์ไถเฟซบุ๊คไปเรื่อยๆ ช่วยให้คุณกินได้น้อยลง เพราะมันจะทำให้คุณมีเวลาเทคทามกับอาหารมากขึ้น โฟกัสที่อาหารอย่างเดียว และจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มอย่างรวดเร็วขึ้น
6. กินไข่วันละ 2 ฟอง
เพราะในไข่มีโปรตีนในปริมาณสูง เมื่อทานแล้วจะทำให้คุณรู้สึกอิ่ม ไม่อยากกินจุกจิก ผลงานวิจัยของ the International Journal of Obesity พบว่า ผู้ที่รับประทานไข่เป็นอาหารเช้า สามารถน้ำหนักตัวลดลงได้มากกว่าการกินเบเกิลเป็นอาหารเช้า
เพราะในไข่มีโปรตีนในปริมาณสูง เมื่อทานแล้วจะทำให้คุณรู้สึกอิ่ม ไม่อยากกินจุกจิก ผลงานวิจัยของ the International Journal of Obesity พบว่า ผู้ที่รับประทานไข่เป็นอาหารเช้า สามารถน้ำหนักตัวลดลงได้มากกว่าการกินเบเกิลเป็นอาหารเช้า
7. อย่าละเลยมื้อเช้า
ถึงแม้ว่า จะเป็นเช้าที่เร่งรีบขนาดไหน แต่มื้อเช้าก็เป็นสิ่งที่คุณละเลยไม่ได้ เพราะการทานอาหารเช้าไม่เพียงแต่ให้พลังงานคุณในการเริ่มวันใหม่เท่านั้น มันยังช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยให้น้ำหนักตัวลดอีกด้วย
ถึงแม้ว่า จะเป็นเช้าที่เร่งรีบขนาดไหน แต่มื้อเช้าก็เป็นสิ่งที่คุณละเลยไม่ได้ เพราะการทานอาหารเช้าไม่เพียงแต่ให้พลังงานคุณในการเริ่มวันใหม่เท่านั้น มันยังช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยให้น้ำหนักตัวลดอีกด้วย
8. หมากฝรั่งรสมิ้นท์ช่วยดับความหิวได้
จริงอยู่ที่ว่า การเคี้ยวหมากฝรั่ง จะเป็นการกระตุ้นทำต่อมน้ำลาย ทำให้คุณรู้สึกหิวบ่อย แต่ยกเว้นหมากฝรั่งรสมิ้นท์นะ เพราะกลิ่นมิ้นท์ และรสชาติของมันจะช่วยทำให้คุณอยากอาหารได้น้อยลง ผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์ กล่าวว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งรสมิ้นต์จะก่อนมื้อเที่ยงจะช่วย ทำให้คุณอิ่ม และทานอาหารได้น้อยลง แถมยังไม่ทำให้คุณอยากอาหารมากขึ้นในวันต่อไปอีกต่างหาก
จริงอยู่ที่ว่า การเคี้ยวหมากฝรั่ง จะเป็นการกระตุ้นทำต่อมน้ำลาย ทำให้คุณรู้สึกหิวบ่อย แต่ยกเว้นหมากฝรั่งรสมิ้นท์นะ เพราะกลิ่นมิ้นท์ และรสชาติของมันจะช่วยทำให้คุณอยากอาหารได้น้อยลง ผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์ กล่าวว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งรสมิ้นต์จะก่อนมื้อเที่ยงจะช่วย ทำให้คุณอิ่ม และทานอาหารได้น้อยลง แถมยังไม่ทำให้คุณอยากอาหารมากขึ้นในวันต่อไปอีกต่างหาก
9. รับประทานอาหารในที่สว่าง
การรับประทานอาหารในที่ๆ มีแสงสว่างเพียงพอ ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากมีสุขภาพดีนะ เพราะผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยในอเมริกาจากในหลายๆ มหาวิทยาลัยพบว่า ผู้ที่ทานอาหารในที่ที่มีแสงสว่างพอเพียง ได้รับแคลอรี่น้อยกว่า 39% เลยทีเดียว
การรับประทานอาหารในที่ๆ มีแสงสว่างเพียงพอ ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากมีสุขภาพดีนะ เพราะผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยในอเมริกาจากในหลายๆ มหาวิทยาลัยพบว่า ผู้ที่ทานอาหารในที่ที่มีแสงสว่างพอเพียง ได้รับแคลอรี่น้อยกว่า 39% เลยทีเดียว
10. กินให้มากกว่า 3 มื้อ
สำหรับใครที่ชอบกินจุกจิก หมดปัญหาได้เลย เพราะการกิน 6 มื้อเล็กๆ ดีกว่าการกินแบบ 3 มื้อใหญ่ๆ ซัอีก เพราะ ยิ่งรอรับประทานอาหารนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คุณทวีความหิวและกินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แจมมี่สัน – ปิโทนิก นักโภชนาการชาวคลีฟแลนด์กล่าวว่า 3 ชั่วโมง หลังจากท้องว่าง น้ำตาลในเลือดของคุณจะลดลง พอ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มย่อยสลายอาหารที่คุณได้กินเมื่อครู่ และเมื่อเข้าสู่ชั่วโมงที่ 5 คุณจะรู้สึกหิวและคว้าทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามาสวาปาม ฉะนั้นแบ่งเป็นบื้อเล็กๆ เบาๆ กินดีกว่านะ
เครดิต : Brightside.me
แปลและเรียบเรียงโดย : เบญจวรรณ์ สังพาสิทธิ์ (นักเขียน Teenee.com)
สำหรับใครที่ชอบกินจุกจิก หมดปัญหาได้เลย เพราะการกิน 6 มื้อเล็กๆ ดีกว่าการกินแบบ 3 มื้อใหญ่ๆ ซัอีก เพราะ ยิ่งรอรับประทานอาหารนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คุณทวีความหิวและกินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แจมมี่สัน – ปิโทนิก นักโภชนาการชาวคลีฟแลนด์กล่าวว่า 3 ชั่วโมง หลังจากท้องว่าง น้ำตาลในเลือดของคุณจะลดลง พอ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มย่อยสลายอาหารที่คุณได้กินเมื่อครู่ และเมื่อเข้าสู่ชั่วโมงที่ 5 คุณจะรู้สึกหิวและคว้าทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามาสวาปาม ฉะนั้นแบ่งเป็นบื้อเล็กๆ เบาๆ กินดีกว่านะ
เครดิต : Brightside.me
แปลและเรียบเรียงโดย : เบญจวรรณ์ สังพาสิทธิ์ (นักเขียน Teenee.com)
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น