ลดน้ำหนักสำเร็จแน่ ด้วย 7 เทคนิคจิตวิทยา


ลดน้ำหนักสำเร็จแน่ ด้วย 7 เทคนิคจิตวิทยา


1. ตั้งเป้าหมายเกินความเป็นจริง

เช่นลดน้ำหนักให้ได้เยอะ ๆ โดยไม่ได้มองถึงความเป็นจริง เช่น น้ำหนักปัจจุบัน 70 กิโลกรัม ตั้งเป้าหมายว่า น้ำหนักต้องลดลงเหลือ 50 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอนค่ะ ยกเว้นว่าคุณจะป่วยหนัก รับประทานอะไรไม่ได้ เพราะการลดน้ำหนักแบบหักโหม จะยิ่งทำให้ร่างกายเกิดความ "โหย" หมดแรง ซึ่งนำไปสู่การรับประทานที่หนักหน่วงกว่าเดิม กลายการเป็นการเพิ่มน้ำหนัก และเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยในอนาคต

2. ขาด Passion ในการลดน้ำหนัก
ทุกคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ย่อมมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการให้ดูดีขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปความมุ่งมั่นที่จะดูดีขึ้นก็ลดลง หรือกล่าวอีกอย่างว่า "ไม่มี Passion" และกลับไปใช้ชีวิตในรูปแบบเดิม น้ำหนักเท่าเดิม หรืออาจจะเพิ่มมากกว่าเดิมอีก เพราะคุณมักจะเกิดความคิดว่า "เดี๋ยวค่อยลด" "เดี๋ยวค่อยเริ่มใหม่" ทำให้คุณขาดวินัยในการลดน้ำหนัก กลายเป็นไม่จริงจัง และล้มเลิกการลดน้ำหนักไปในที่สุด

3. จริงจังจนเครียด
เมื่อคุณเคร่งกับการลดน้ำหนักมาก แล้วผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่เคุณคาดหวัง เช่น น้ำหนักไม่ลดลงตามเป้า รอบเอวไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็จะยิ่งทำให้เครียด เมื่อเครียดก็จะกดดันตนเองให้หาวิธีต่าง ๆ มาทำให้น้ำหนักลงตามที่ต้องการให้ได้ ทีนี้เมื่อเครียด เมื่อกดดัน การลดน้ำหนักก็ไม่สนุก และไม่มีความสุข แล้วคุณก็จะเลิกความตั้งใจ ไม่ลดน้ำหนักอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้ จากสาเหตุดังกล่าว นักจิตวิทยาจึงได้แนะนำเทคนิคในการลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จมาฝากกัน จำนวน 7 เทคนิคด้วยกัน ดังนี้ค่ะ

1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม
โดยการกำหนดวิธีการ ระยะเวลา ตัวชี้วัด และเป้าหมาย ในการลดน้ำหนักที่แน่นอน เป็นรูปธรรม สามารถทำแล้วเห็นผลได้จริง เช่น น้ำหนักที่ชั่งได้ ณ วันแรกที่เริ่มต้นโดยตั้งน้ำหนักเป้าหมายตามค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักตัว (Kg) / (ส่วนสูง (m) ยกกำลังสอง) อีกทั้งควรมีเป้าหมายระยะสั้นที่คำนวณตามเปอร์เซนต์ของน้ำหนักที่ลดลงที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ โดยในช่วง 3 เดือนแรกควรจะลดลง 5% และ 3 - 6 เดือนต่อ ควรลดลง 10 - 15% นอกจากนี้ต้องเลือกวิธีการลดน้ำหนักที่ชัดเจน ว่าจะลดด้วยวิธีได้ เพื่อให้ดำเนินการตามแผนได้สำเร็จ

2. อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียด
เคล็ดลับความสำเร็จในการลดน้ำหนักที่นักจิตวิทยาแนะนำ ก็คือ การมีความสุข และสนุกกับการลดน้ำหนักค่ะ เพราะถ้าคุณยิ่งเครียด คุณจะยิ่งรับประทานเยอะขึ้น ยิ่งกดดัน ก็จะยิ่งฝืนใจตัวเองมาลดน้ำหนัก เมื่อรู้สึกเป็นทุกข์คุณก็ไม่อยากทำอีกต่อไป แต่ถ้าคุณทำให้การลดน้ำหนักมีความสุข เช่น เลือกวิธีการออกกำลังกายที่สนุก ไม่ว่าจะเป็นเต้นแอโรบิค เล่นฟรีรันนิ่ง (Free Running) เล่นยิงเลเซอร์เกม (Laser Games) ก็ได้ทั้งนั้น หรือเลือกการรับประทานแบบ IF (Intermittent Fasting) หรือเลือกรับประทานอาหารคลีนที่รสชาติดี เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจไปกับการลดน้ำหนัก ไม่ฝืนบังคับใจตัวเองจนเกินไป

3. หาไอดอลในการลดน้ำหนัก
สำหรับสายแข็งอาจจะเลือกคุณเบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา หรือท่านผู้ว่าชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นไอดอลในการลดน้ำหนักและออกกำลังกาย แต่สำหรับคนที่เดินทางสายกลาง ก็อาจจะเรียนรู้จากยูทูบเบอร์หลาย ๆ คนก่อน แล้วค่อยเลือกคนที่ถูกจริตกับคุณ คนที่มีสไตล์ที่คุณสามารถทำตามได้ เพื่อให้คุณมีแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก และมีไอเดียสนุก ๆ ที่คุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับคุณ เพื่อให้คุณไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ หรือสำหรับสายเพิ่งเริ่ม ก็อาจจะมองหาคนใกล้ตัว เช่น คนในครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก มาเป็นแรงบันดาลใจได้เช่นเดียวกันค่ะ

4. ถ้าลดน้ำหนักคนเดียวมันยากไป ลองชวนคนรู้ใจมาเป็นโค้ชสิ
อุปสรรคใหญ่ของการลดน้ำหนักคนเดียว ก็คือ มีความเสี่ยงสูงที่คุณจะล้มความตั้งใจ และอาจจะใจดีกับตัวเองจนปล่อยปละละเลยไม่ทำตามแผน ดังนั้น นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้หาผู้ช่วยมาคอยกำกับดูแลการลดน้ำหนัก โดยผู้ช่วยที่ดีที่สุดและเข้มงวดกับคุณได้มากที่สุด ก็คนที่สนิทกับเรานั่นเองค่ะ คุณก็มอบหมายให้เขาเป็นโค้ชไปเลย เพื่อคอยควบคุมและเตือนคุณว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามความก้าวหน้าในการลดน้ำหนักให้กับคุณ หรือจะมาเป็นพาร์ทเนอร์ในการลดน้ำหนักกับคุณไปเลยก็ดีอีกทางหนึ่ง จะได้คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และสุขภาพดีไปด้วยกัน

5. ยืดหยุ่นบ้าง แต่ไม่ล้มเลิก
ในชีวิตของคุณนอกจากการลดน้ำหนักแล้ว ก็มีอีกมากมายหลายอย่างที่ต้องไปทำ เช่น ทำงาน ดูแลคนในครอบครัว ดูแลสัตว์เลี้ยง ไปสังสรรค์สันทนาการนอกบ้านบ้าง และก็อาจมีบ้างครั้งที่ภารกิจสำคัญต้องมาขอแบ่งเวลาจากการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นประชุมด่วน ไปอบรมต่างจังหวัด งานตัดพัน คนในบ้านไม่สบาย แมวป่วย ดังนั้น แผนที่คุณวางมาดีในข้อแรกก็อาจจะต้องผ่อนปรนบ้างตามความเหมาะสม เช่น ยืดระยะออกไปอีกนิด เพื่อให้เวลากับภารกิจสำคัญของคุณ หรือลดเวลาในการออกกำลังกายวันนี้ลง แล้วไปเพิ่มในอีกวัน บวกกับการทานอาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนักแทน

6. เชื่อมั่น และมั่นใจในตนเอง
ต่อให้คุณมีการวางแผนที่ดี มีคนคอยสนับสนุน แต่ถ้าคุณขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดความมั่นใจว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ความสำเร็จของคุณก็ห่างออกไปอีกหลายไมล์เลยค่ะ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะลงมือลดน้ำหนัก หรือทำสิ่งใดก็ตาม ขอให้คุณเชื่อมั่นในตนเองก่อนว่า คุณสามารถทำได้ เมื่อคุณเชื่อในตนเองแล้ว ไม่ว่าจะเจออุปสรรค หรือเจอปัญหาระหว่างทาง คุณก็ยังมีแรงใจที่จะไปต่อโดยไม่ย่อท้อค่ะ

7. มีภาพความสำเร็จที่ชัดเจนในใจ
นอกจากคุณจะต้องตัดเป้าหมายของการลดน้ำหนักให้ชัดเจนแล้ว การมีภาพตัวเองหลังจากการลดน้ำหนักประสบความสำเร็จไว้ในใจก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจที่จะทำให้สำเร็จ มีแรงผลักดันในการต่อสู้กับความเหมือน ความท้อ ความหิว ความไม่คุ้นเคย จนคุณสามารถทำตามแผนที่คุณตั้งไว้ได้สำเร็จ การที่คุณนึกภาพคุณตอนประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะส่งผลดีในเรื่องการลดน้ำหนักแล้ว ยังส่งผลดีในเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย

การลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการชีวิต เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างหนึ่งที่ยากมาก และต้องใช้ทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ สำหรับใครที่ประสบความสำเร็จแล้วขอแสดงความชื่นชมในความมีวินัยและพยายามของคุณนะคะ สำหรับใครที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขอเป็นกำลังใจและหวังว่าขอแนะนำข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อคุณค่ะ

สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ



เครดิตแหล่งข้อมูล :
istrong


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์