น้ำหนัก ที่เห็นบนตาชั่ง ไม่ได้มีแค่ ไขมัน หยุดเข้าใจผิด!


น้ำหนัก ที่เห็นบนตาชั่ง ไม่ได้มีแค่ ไขมัน หยุดเข้าใจผิด!


เคยช็อกปะ? วันนี้กินคลีนแทบตาย พรุ่งนี้กินบุฟเฟต์ ตื่นมาอีกวันน้ำหนักพุ่งขึ้นมาโล สองโล! ใจเย็นๆ... นั่นไม่ใช่ไขมัน! แต่เป็น "น้ำ" ล้วนๆ

มาดูความจริงกัน:

1. คาร์บ = ตัวอุ้มน้ำ เรื่องจริงที่ต้องรู้! ทุกครั้งที่เรากิน "คาร์โบไฮเดรต" (แป้ง, ขนมปัง, ข้าว, น้ำตาล) เข้าไป 100 กรัม ร่างกายจะกักเก็บ "น้ำ" เพิ่มตามมาอีกถึง 400 กรัม!

2. ยิ่งกินคาร์บ = ยิ่งแบกน้ำ พอเรากินคาร์บ ร่างกายจะเก็บมันในรูป "ไกลโคเจน" (พลังงานสำรอง) ยิ่งเรามีไกลโคเจนสะสมเยอะ ก็เท่ากับว่าเรากำลัง "แบกน้ำ" ไว้ในตัวเยอะขึ้น ตัวเลขบนตาชั่งมันก็เลยดีดขึ้นไงล่ะ! ในทางกลับกัน ถ้าเรากินคาร์บน้อยลง (แบบโลว์คาร์บ) น้ำในตัวก็จะหายไป ทำให้น้ำหนักลดฮวบในช่วงแรก (ย้ำว่า "น้ำ" หายนะ ไม่ใช่ "ไขมัน")

3. น้ำหนักบนตาชั่ง ไม่ได้มีแค่ "ไขมัน" ตื่นมาน้ำหนักขึ้นข้ามคืน อย่าเพิ่งนอยด์! นั่นไม่ใช่ไขมันที่สร้างขึ้นใน 24 ชั่วโมง มันเป็นไปไม่ได้! จำไว้ว่าตัวเลขบนตาชั่งคือ "น้ำหนักรวมมิตร" ของทุกอย่างในตัวเรา ทั้งน้ำ, อาหารที่กำลังย่อย, ไกลโคเจน, กล้ามเนื้อ, ไขมัน, กระดูก และอื่นๆ อีกเพียบ

4. หยุดวงจร "โยโย่ไดเอท" สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ พอเห็นตัวเลขพุ่งปุ๊บ... เราก็สติแตก! รีบงดมื้อต่อไป หรือรีบไปวิ่งคาร์ดิโอเพิ่มทันที นี่แหละคือวงจรอุบาทว์ที่ทำให้คนติด "โยโย่ไดเอท" (yoyo diet) วนลูปไม่จบไม่สิ้น

5. วิธีที่คนฉลาดเขาทำกัน เลิกจ้องตาชั่งรายวัน! ถ้าอยากติดตามผลจริงๆ ให้ชั่งน้ำหนักในเวลาเดิมทุกเช้า (เช่น หลังตื่นนอน เข้าห้องน้ำเสร็จ) จดตัวเลขไว้ แล้วดู "ค่าเฉลี่ย" ของแต่ละสัปดาห์มาเทียบกัน แบบนี้ชัวร์กว่าเยอะ!

ข้อยกเว้น (ดอกจันตัวโตๆ) แต่... ถ้าคุณพยายามลดน้ำหนักมาหลายเดือนแล้ว แต่น้ำหนักนิ่งสนิทไม่ขยับเลย อันนี้จะมาโทษว่า "บวมน้ำ" ไม่ได้แล้วนะ! มันแปลว่าคุณอาจจะไม่ได้อยู่ในภาวะ "ขาดดุลแคลอรี" (Calorie Deficit) หรือพูดง่ายๆ คือ กินเท่ากับหรือมากกว่าที่ใช้นั่นเอง

ถ้ายังงงๆ หรือยังติดหล่มนี้อยู่ อาจจะต้องหาวิธีติดตามผล และเรียนรู้วิธีคุมแคลอรีแบบยั่งยืนแล้วล่ะ!


เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์